1. ไปที่เมนู การทำธุรกรรม> รายรับ
2. ใบรายรับสามารถเลือกได้ทั้งออกใบกำกับภาษี หรือไม่ออกใบกำกับภาษีก็ได้ครับ เช่นบางช่วงอาจมีนโยบายรัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนใช้จ่าย ซึ่งคุณลูกค้าสามารถเลือกแบบออกใบกำกับภาษี โดยต้องกรอกรายละเอียดสำคัญเช่น ชื่อลูกค้า ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ส่วนใครที่อยากลงบันทึกชิวๆ เพื่อใช้ตรวจสอบสุขภาพของกิจการก็เลือกแบบไม่ออกใบกำกับภาษีสบายๆกันเลยครับ
3. กดเลือกวันที่ใบเสร็จ หรือพูดง่ายๆคือวันที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการนั่นละครับ ไม่ใช่วันที่จ่ายเงินนะ โดยระบบจะคิดเลขที่ใบเสร็จเพื่อง่ายในการตรวจสอบให้อัตโนมัติ เช่น RV1704090001 ซึ่ง RV มาจาก Revenue Voucher และ 170409 หมายถึงลงบันทึกวันที่ 9 เดือน เมษายน ปี 2017 และสุดท้าย 0001 คือบิลแรกของรอบวัน ถ้าลงบันทึกอีกบิลของรายรับจะเป็น 0002 มาถึงตอนนี้ลูกค้าอาจสงสัยว่าแล้วถ้าบิลเกิน 9999 ใบล่ะทำไง???? ต้องบอกเลยครับว่า ระบบตอนนี้รับได้แค่วันละ 9999 บิลเท่านั้นครับ ถ้าเกินจากนี้รบกวนติดต่อ Support team ของเราเพื่อสนับสนุนในโอกาสหน้าต่อไปครับ อีกทั้งลูกค้าสามารถใส่เลขเอกสารอ้างอิงตามระบบลูกค้าเองได้เช่นกันครับ โดยบวกเพิ่มด้วยระบบการบันทึกภาษี ไม่ว่าจะไม่มีภาษี หรือ ราคารวมภาษี หรือราคาแยกภาษี ระบบเรารองรับทุกรูปแบบนะครับ ใช้งานกันอย่าง Happy แน่นอน
4. สำหรับการบันทึกยอดขาย จะแบ่งเป็น 3 รูปแบบ เพื่อความง่ายในการใช้งานดังนี้ครับ
4.1 สินค้า: เช่น ต้องการขายแบบเก็บยอดแต่ละ ITEM หรือต้องการตรวจสอบยอดในคลังสินค้า ยกตัวอย่างง่ายๆคือ สมมุติขายน้ำเปล่า โดยมี Stock ในร้านอยู่ 3 ลัง และลังหนึ่งมี 12 ขวด เราสามารถเลือกขายทีละขวดแตกออกจากลังได้ทันทีครับ โดยไม่ต้องกังวลว่าคลังสินค้าเราต้องบันทึกเป็น 36 ขวดเลย โดยก่อนจะบันทึกสินค้าได้ ต้องเพิ่มชื่อสินค้า และลักษณะสินค้าเข้ามาในระบบก่อน เพื่อติดตามยอดคงเหลือได้แม่นยำครับ
4.2 ผังบัญชี : ไว้ลงรายการรวมตอนสิ้นวัน โดยบางท่านอาจไม่สะดวกลงทุกรายการขาย และใช้ระบบ POS หรือระบบจัดการของที่อื่นอยู่แล้ว ซึ่งเราก็รองรับในส่วนที่ต้องบันทึกยอดรวม ณ.สิ้นวันเข้ามาก้อนเดียวด้วยครับ โดยสามารถเลือกได้ว่ารายได้มาจากอาหาร หรือมาจากหมวดเครื่องดื่มครับ เพื่อง่ายในการคำนวณอัตราการทำกำไรของแต่ละหมวดต่อไปครับ
4.3 สินทรัพย์ถาวร: ไว้ใช้ในกรณีที่เราต้องการเลิกใช้สินทรัพย์ที่เราบันทึกเข้าระบบ หรือขายสินทรัพย์ออกไป เช่นขายคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าออกจากร้าน หรือ ขายโต๊ะ หรือขายตู้เย็นเก่าออกไป ก็สามารถเลือกบันทึกได้ทั้งหมดครับ
5. การแนบ file เอกสาร เช่น สมมุติเราดึงข้อมูลจากระบบ POS มาเป็น Excel และต้องการแนบ Excel ไว้ในระบบ Rabbit ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายครับ โดยระบบสามารถแนบ file ได้ถึง 5 MB เลยทีเดียว โดยลูกค้ากดเลือกไฟล์เอกสาร ก่อน หลังจากนั้นกด อัพโหลดอีกครั้งเพื่อนำขึ้นระบบอีกทีครับ
6. หลังจากกรอกทุกอย่างครบ และตรวจสอบยอดรวมรายรับว่าถูกต้องแล้ว และดูว่าจะให้ส่วนลดลูกค้าด้วยหรือไม่ โดยสามารถเลือกให้ส่วนลดได้ทั้งเป็น % และเป็นจำนวนเงินครับ อีกทั้งสามารถลดท้ายบิลทีเดียวหรือลดเฉพาะรายการก็ได้ เช่นกัน หลังจากนั้นกดปุ่มเพิ่ม เพื่อไป Process เก็บเงินต่อไปครับ
7. ระบบเก็บเงิน จะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วนดังนี้
7.1 ระบบเก็บเงินสด: ลูกค้าต้องเลือกบัญชีที่จะนำเงินเข้าระบบ โดยส่วนนี้ลูกค้าสามารถเพิ่มบัญชีได้จากเมนู ข้อมูลการเงินครับ เช่นการเพิ่มบัญชีธนาคาร หรือบัญชีสำรองของร้านไว้ก่อนครับ หลังจากเลือกบัญชีที่จะนำเงินเข้าเสร็จแล้ว ให้เลือกวันที่ลูกค้าจ่ายเงินต่อครับ และกดปุ่มเพิ่มด้านล่าง เป็นอันเสร็จการบันทึกรายรับโดยสมบูรณ์ครับ
7.2 ระบบชำระบัตรเครดิตการ์ด: ก่อนอื่นเราสามารถเพิ่มเครื่องรูดบัตรได้ที่เมนู ข้อมูลการเงิน>>จัดการเครื่อง EDC เพื่อใส่ข้อมูลของเครื่องรูดบัตร รวมถึงข้อมูลที่ธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีเราในแต่ละเดือน พร้อมทั้งรหัสการทำรายการเครื่อง EDC ด้วยครับ โดยในบิลให้ระบุวันที่จ่ายเงินของลูกค้าจริงๆ ไม่ใช่วันที่ธนาคารโอนเงินให้เราครับ โดยระบบจะไปตัดโอนเงินเข้าให้อัตโนมัติตามวันที่เราระบุไว้ตอนตั้งค่าเครื่อง EDC
เป็นไงครับ หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้ คุณลูกค้าน่าจะพอใช้งานกันได้อย่างสะดวกสบายพอสมควร แต่หากใครมีปัญหาเพิ่มเติม หรือยังสงสัยตรงไหน สามารถสอบถามผ่านระบบ Chat ของเราได้ตลอดเวลาครับ เพราะการ Service ลูกค้าเป็นหน้าที่ของพวกเราทีมงาน Rabbit Account ครับ สำหรับสุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านขายดีตลอดปีและตลอดไปครับ
Rabbit Account
ครบทุกการจัดการ ให้คุณมากกว่าระบบบัญชีBlog: https://www.rabbitaccount.com/th/article
Facebook: http://facebook.com/rabbitaccount สมัครใช้งานฟรี