6 เคล็ดลับเปิดร้านอาหารให้รุ่ง รวย รับทรัพย์!!!

วันที่เผยแพร่ :
หมวดหมู่ : ห้องความรู้

ทุกครั้งที่ได้ฟังเพื่อนๆเล่าว่าจะเปิดร้านอาหาร หรือร้านกาแฟเล็กๆน่ารักๆ เรามันตื่นเต้นอยู่เสมอ และแน่นอนว่าถึงแม้ธุรกิจร้านอาหารจะทำให้เพื่อนๆหมดเวลาไปกับการทำงานมากกว่างานประจำซะอีก อีกทั้งยังเป็นธุรกิจถือว่ารอดยากเป็นลำดับที่หนึ่งเลยทีเดียว

เพราะตามสถิติแล้ว ร้านอาหารจะล้มหายตายจากไปถึง 60% ภายใน 3 ปี

แต่ที่เรามาเล่าให้ฟังกันวันนี้ ไม่ได้อยากให้เพื่อนๆท้อแท้ หรือกลัวการทำธุรกิจร้านอาหาร กลับกันเราจะบอกถึงเทคนิค และวิธีที่จะบริหารเงิน และเวลาให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อที่ทุกคนจะได้อยู่รอดในวงการ และเติบโต มีกำไรอย่างยั่งยืนกัน ตามคำพูดของ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ที่บอกว่า

คุณต้องรู้กฎของเกมส์ แล้วคุณต้องเล่นให้ดีกว่าคนอื่น

โดยวันนี้เราเปิดเผยถึง 6 เคล็ดลับ ในการทำร้านอาหารให้รุ่ง รวย และรับทรัพย์กัน


1. ต้องมี Passion ที่จะเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร 

เพื่อนๆจำนวนมากมักคิดว่าร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้อย่างงดงาม อาจเห็นตัวอย่างมาจาก MK หรือ After You และคิดว่าเราน่าจะทำบ้าง กำไรน่าจะงาม หากเพื่อนๆกำลังคิดถึงโอกาสรวยจากร้านอาหารเป็นอันดับแรก สิ่งนี้จะทำให้เพื่อนๆท้อและเลิกทำในระยะเวลาสั้นๆ เพราะในช่วงแรกของการทำธุรกิจร้านอาหารนั้น ต้องมีการลงทุนที่ค่อนข้างสูง อาจจะต้องใช้เวลาซักช่วงหนึ่งในการคืนทุน ซึ่งโดยปกติมักจะใช้เวลานานกว่า 6 เดือนถึงจะเริ่มมีกำไร และกว่าจะคืนทุนที่ลงไปมักใช้เวลาราว 2-3 ปี ดังนั้นสิ่งที่เราอยากได้ยินจากคนที่จะเปิดร้านคือ “ร้านอาหารคือความฝันของเรา เราจะยอมสละทุกอย่างเพื่อที่จะได้ทำมันในสิ่งที่เรารัก” แน่นอนว่าเพื่อนๆต้องสามารถขัดพื้นได้ , ล้างห้องน้ำเป็น หรือแม้กระทั่งการกลับบ้านคนสุดท้าย และพร้อมทำงาน 7 วัน โดยไม่บ่น หากเพื่อนๆพร้อมรับมือแล้วล่ะก็ เรามาดูก้าวต่อไปกันได้เลยครับ


ข้อมูลอ้างอิงจาก Datastream Macroeconomic Analysis ณ สิ้นปี 2559


2. มีการวางแผนธุรกิจ ก่อนเริ่มเปิดร้าน 

เพื่อนๆไม่สามารถคิดแล้วทำในทันที เพราะแบบนั้นจะทำให้เรามองไม่รอบด้าน และอาจละเลยจุดสำคัญๆที่ควรคำนึงถึง แต่ควรเขียนในกระดาษให้ชัดเจน ลงรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน เช่นรายการของที่จะต้องซื้อในการเตรียมร้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้แช่แข็ง, โต๊ะ เก้าอี้, เครื่องครัว, แจกัน หรือผ้าคลุมโต๊ะเป็นต้น โดยการทำแบบนี้จะทำให้เรารู้ว่าต้นทุนในการเปิดร้านเป็นเท่าไหร่ และทุนเราเตรียมไว้เพียงพอหรือไม่  โดยนอกจากนั้นเราควรเตรียมแผนดังนี้  

1. แนวคิดธุรกิจ 

● ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สร้างรายได้มีอะไรบ้าง
● มีความแตกต่างจากสินค้าหรือบริการของคู่แข่งที่มีในท้องตลาดอย่างไร
● แนวคิดนี้สอดคล้องกับโอกาสและจุดแข็งอะไรของธุรกิจ
● กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
● ปัจจัยสู่ความสำเร็จ

2. การวิเคราะห์อุตสาหกรรมและการแข่งขัน

● แนวโน้มอุตสาหกรรม
● การแข่งขันด้านสินค้า
● การแข่งขันด้านราคา
● การแข่งขันด้านช่องทางจัดจำหน่าย
● การแข่งขันด้านการส่งเสริมการตลาด
● SWOT Analysis (จุดแข็ง, จุดอ่อน, โอกาส และ อุปสรรค) 

3. แผนการตลาด

● มูลค่าตลาดรวม
● การวางตำแหน่งทางการตลาด
● การพยากรณ์ยอดขาย
● กลยุทธ์ทางการตลาด
● ค่าใช้จ่ายทางการตลาดและแผนสื่อ

4. กระบวนการบริการ และแผนการจัดซื้อ

● สินทรัพย์ถาวรที่ใช้
● ค่าแรงงานคงที่ และ ผันแปร
● ค่าใช้จ่ายในการผลิต

5. แผนองค์กรและการจัดการ

6. แผนการเงิน 

● งบต้นทุนและแหล่งที่มาของเงินทุน
● งบกำไร ขาดทุน ประมาณการรายเดือน จำนวน 3 ปี
● ประมาณการงบกระแสเงินสด
● การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน
● การคำนวณจุดคุ้มทุน

หากเพื่อนๆสามารถเขียนแผนธุรกิจตามหัวข้อด้านบนได้อย่างชัดเจน เรามั่นใจระดับหนึ่งว่าเพื่อนๆจะมองเห็นภาพรวม และความเป็นไปได้ของการทำกำไรได้ดีขึ้น ไม่ลงทุนเกินตัว และเข้าใจหลักการทำกำไรอย่างถูกต้อง พร้อมประเมินสถานการณ์ตลาดรอบด้าน และสุดท้ายนำไปสู่โอกาสในการประสบความสำเร็จที่สูงขึ้น 


3. ทำเลที่ดี 

สำหรับร้านอาหารแล้ว ทำเลคือทุกอย่าง หลายๆคนมักคิดว่าคู่แข่งเยอะในย่านเดียวกันไม่น่าจะดี แต่จริงๆแล้วกลับกลายเป็นว่ามีคู่แข่งเยอะ หรือร้านอาหารในย่านนั้นๆจำนวนมากยิ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นแม่เหล็กที่จะดึงดูดคนเข้ามาในย่านมากขึ้นตาม เพื่อนๆลองนึกภาพง่ายๆ เช่น ถนนนิมมานเหมินท์ เชียงใหม่ ทั้งเส้นในแต่ละซอยมีร้านอาหารครบทุกซอย ถือเป็นเอกลักษณ์กันไปเลยว่าไปเชียงใหม่ต้องไปกินอาหารย่านนิมมาน

ดังนั้นแล้วถ้าเราจะย่างกรายเข้าไปเปิดร้านอาหารในย่านที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง เราต้องมั่นใจว่าเรามีเอกลักษณ์และกลยุทธ์ที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ เพียงเท่านี้เราจะไปรอดแน่ๆ แต่หากเพื่อนๆกังวลเรื่อง ทำเลดีๆ มักจะมีราคาสูง เราแนะนำว่าอย่างน้อยอย่าไปอยู่มุมอับ หรือในจุดที่มองเห็นยากเด็ดขาด และควรมีที่จอดรถ โดยปกติของคนเรามีความขี้เกียจเป็นที่ตั้ง คงไม่มีใครยอมเดินไกลๆเพื่อมารับประทานร้านเราแน่ๆ เพราะลูกค้ามักจะหาร้านที่ให้ความสะดวกสบายมาก่อนเสมอ 

นอกจากว่าร้านของคุณตั้งอยู่ใจกลางเมืองแล้วการเดิน 200-300 เมตรเป็นเรื่องปกติทำให้ ปัจจัยที่จอดรถอาจไม่จำเป็นมากนัก แต่ถ้าร้านเพื่อนๆอยู่นอกเมือง แล้วต้องใช้การเดินทางโดยการขับรถ แน่นอนว่าต้องเตรียมที่ เพื่อให้มีบริเวณจอดรถด้วย แต่ถ้าทำเลที่เพื่อนๆมองหาไม่มีบริเวณที่จอดรถขนาดใหญ่เลย ให้มองหาทำเลที่มีพวกศูนย์ราชการ หรือที่จอดรถสาธารณะ หรือใช้ร่วมกับที่จอดรถแถวนั้นได้หรือไม่ หรือสามารถจอดข้างทางเวลาไหนได้บ้าง


4. เริ่มจากก้าวเล็กๆ เพื่อไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่  

ถ้าเพื่อนๆมีเงินทุนน้อย หรือไม่อยากลงทุนเป็นจำนวนมากตั้งแต่แรก การเลือกร้านที่มีขนาดเล็กก่อน เสมือนกับการทำ Start up ที่ลองปล่อย Feature บางตัวมาลองตลาดก่อน ดังนั้นอาจจะมีแค่ 2-3 โต๊ะก่อนก็ได้ โดยวิธีนี้จะช่วยให้เพื่อนๆประหยัดค่าใช้จ่ายของพนักงานอีกด้วย แล้วถ้าขายดีค่อยขยายร้านในภายหลัง หรืออีกกรณีคือร้านไม่ควรจะโล่งมากจนเกินไป หรือเล็กมากจนทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัด แถมยังทำให้บรรยากาศในร้านพาลดูไม่ดีไปอีกด้วย โดยเราควรออกแบบขนาดของครัว การวางตู้เย็นไว้ให้ดี หรือเผื่อที่นั่งสำหรับผู้จัดการร้านทำงานเอกสารประจำวันด้วย อย่าลืมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่นพื้นที่ให้ลูกค้าสามารถยืนเข้าคิวได้ เป็นต้น


5. เตรียมเงินให้พอสำหรับ 6 เดือน 

ร้านอาหารไม่ใช่ธุรกิจที่เปิดแล้วทำกำไรได้ภายในข้ามคืน ซึ่งการดึงคนเข้าร้านต้องใช้เวลา เช่นอร่อยแล้วบอกต่อ หรือร้านบรรยากาศดีอยากกลับมาอีก ดังนั้นโดยส่วนมากแล้วมักใช้เวลาถึง 6 เดือนในการดึงคนได้จำนวนมากพอที่สามารถมีรายได้มาหักกลบรายจ่ายได้อย่างพอเพียง 


6. มีระบบจัดการงานหลังบ้าน 

สิ่งที่เพื่อนๆนึกถึงในการเปิดร้านอาหารคือ ระบบในการจัดการลูกค้า เช่นระบบส่งบิลเข้าครัว หรือระบบ POS ซึ่งเพื่อนๆจำนวนมากเข้าใจว่าระบบร้านอาหารใช้เพียง POS ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ความเป็นจริงการทำธุรกิจที่แท้จริงจำเป็นต้องบริหารมากกว่าเงินเข้าและการบริการลูกค้าหน้าร้าน ซึ่งโดยส่วนมากเพื่อนๆมักจะลืมนึกถึงระบบที่ช่วยในการบริหารจัดการงานหลังบ้าน เช่นระบบจัดการพนักงาน ทำเงินเดือน, ระบบบัญชีและการเงิน, ระบบจัดการคลังสินค้า และระบบจัดการคู่ค้า โดยหากเพื่อนๆมีระบบเหล่านี้ จะทำให้เงินทองไม่รั่วไหล และเข้าใจต้นทุนธุรกิจที่แท้จริง เช่นต้นทุนค่าแรง หรือต้นทุนอาหาร ส่งผลให้เราสามารถจัดการกลยุทธ์ได้อย่างตรงจุด และรู้สัญญาณเตือนว่าเราควรปรับปรุงตรงไหน เพื่อให้งานหลังบ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วการมีระบบหลังบ้านที่ดีเพียงพอ จะช่วยลดระยะเวลาการทำงานเอกสารของเพื่อนๆได้มากว่า 50% และมีเวลาไป Focus ในสิ่งที่เพื่อนๆรักมากยิ่งขึ้น 

ครบทุกการจัดการ ให้คุณมากกว่าระบบบัญชี
Blog: https://www.rabbitaccount.com/th/article
Facebook: http://facebook.com/rabbitaccount

สมัครใช้งานฟรี

คิดอย่างไรกับบทความนี้ ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลย

Copyright © Retail republic co.Ltd., 2016
86/69 ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. 10300 ประเทศไทย | โทร: +66 (084) 053-5325
เกี่ยวกับเรา | Terms & Conditions | Secure payment